โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเมื่อไปพบแพทย์ ก็มักจะได้ยามารับประทาน ซึ่งก็ช่วยให้อาการปวดข้อเข่าดีขึ้นได้ แต่เมื่อหยุดยาหลายๆ คนก็จะกลับมามีอาการปวดอีก ไม่หายขาดต้องกลับมากินยาอีก ทำให้ผู้ป่วยเกิดความสงสัยว่ายาที่ใช้ไม่ได้ผลหรือไม่, กินยาแล้วก็ไม่หาย ไม่อยากกินยาอีกต่อไป หรือ ยาไม่ดีพอหรือไม่ ทำให้รักษาโรคไม่ได้
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ยา” ที่มีใช้ในโรคข้อเข่าเสื่อมในปัจจุบัน เป็นยาในกลุ่มลดการอักเสบ หรือ ยาแก้ปวดโดยตรง ที่ไม่มีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ซึ่งยาทั้งสองกลุ่มนี้ไม่ได้ออกฤทธิ์เพื่อไปเปลี่ยนแปลง หรือ รักษาสภาพความเสื่อมของผิวข้อแต่อย่างใด แต่ยาทั้งสองกลุ่มนี้จะไปลดอาการปวด โดยการไปลดการอักเสบซึ่งเกิดขึ้นในข้อ หรือ ไปกดการรับรู้ความเจ็บปวดของร่างกายโดยตรง ดังนั้นเมื่อใช้ยาไปซักพักอาการปวดข้อก็จะดีขึ้น และถ้าตอนนั้นการอักเสบในข้อไม่มีแล้ว ผู้ป่วยก็อาจจะสามารถหยุดยาได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดการอักเสบขึ้นในข้อเข่าอีก อาการปวดก็จะกลับมา ทำให้เหมือนกับโรคไม่หาย กลับมามีอาการปวดซ้ำๆ ไม่หายสักที
มีผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่งที่ข้อเข่าเกิดการสึกหรอ เสียหายค่อนข้างมาก ผิวข้อมีการขัด เสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดตลอด ในขณะใช้ยาก็อาจจะยังมีอาการปวดอยู่แต่ลดลงบ้าง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยไม่สามารถหยุดยาได้ หากหยุดยาก็จะมีอาการปวดเพิ่มขึ้นมาทันที เป็นเหตุให้ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถหยุดยาได้ เหมือนกินยาเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้นนั่นเอง
นอกจากยาลดอักเสบ ยาแก้ปวดแล้ว ยังมียากลุ่มอื่นที่ใช้ในโรคข้อเข่าเสื่อมอีก นั่นคือ ยากลุ่มที่มีฤทธิ์ในการลดการเปลี่ยนแปลงสภาพความเสื่อมของผิวข้อ (ยาในกลุ่ม Chondroitin และ Glucosamine ) ซึ่งยาในกลุ่มนี้จะใช้เพื่อชะลอ หรือ รักษาสภาพความเสื่อมของผิวข้อ แต่จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า ยาในกลุ่มนี้ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวข้อ หรือ เปลี่ยนแปลงโรคข้อเสื่อมได้ในระดับหนึ่ง แต่ยาก็มีส่วนช่วยลดอาการปวดข้อได้บ้างในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อมระยะที่ไม่รุนแรงนักเมื่อใช้ยาในระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้นแพทย์จะเลือกให้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยบางคนที่มีระยะของโรคเหมาะสม ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป ซึ่งการใช้ยาในกลุ่มนี้อาจดูเหมือนจะช่วยลดอาการปวดข้อลงได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้อาการปวดหายสนิท หรือ หายขาดลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมระยะปานกลาง หรือ ระยะรุนแรงแล้ว จะเห็นได้ว่าการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่การกินยาแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่การกินยาเพียงชุดเดียวแล้วจะหายเสมอไป ขึ้นกับระยะของโรค, สภาพความเสื่อมของข้อเข่า และ การใช้งานข้อเข่าของผู้ป่วยในชีวิตประจำวันอีกด้วย