การใช้กลุ่มยาปฏิชีวนะแบบผิดๆ มักเรียกจนติดปากว่า “ยาแก้อักเสบ” แต่ความจริง ยาปฏิชีวนะ มีฤทธิ์ฆ่า
เชื้อแบคทีเรีย เช่นเมื่อมีบาดแผล ก็ทำให้เกิดอาการบวมแดง เมื่อกินยาปฏิชีวนะ ก็ทำให้อาการบวมแดง
ยุบได้ จึงเกิดความเข้าใจผิดว่า ยาปฏิชีวนะ คือ การแก้อักเสบ แต่ในทางการแพทย์ ยาแก้อักเสบ คือ ยา
ที่ช่วยลดอาการปวดบวม เช่น ยากลุ่มแอสไพริน(Aspirin) เอ็นเซด(NSAID) โดยรักษาการปวดอักเสบ
ของกล้ามเนื้อ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อติดเชื้อแบคทีเรียแล้วเข้าใจผิดว่าต้องรักษาการอักเสบ เมื่อนำไปใช้ผิด
นอกจากจะไม่ช่วยทางการรักษา ยังทำให้เซลล์ในร่างกายพัฒนาตัวเอง จนเมื่อป่วยหรือร่างกายได้รับ
เชื้อแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะก็ไม่สามารถเข้าไปทำลายเชื้อนั้นๆ ได้

ยาที่ผู้ป่วยโรคเข่าเสื่อมทานเข้าไปส่วนมากจะเป็นยาประเภทระงับอาการปวดอักเสบ ซึ่งช่วยระงับอาการ
ปวดได้เพียงชั่วคราว เมื่อทานยามากๆ นั้น จะส่งผลต่อระบบภายในของร่างกาย ยารักษาข้ออักเสบส่วน
ใหญ่จะอยู่ในกลุ่มสเตียรอยด์ในขนาดสูง มีผลกดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้เกิดการติดเชือแบคทีเรีย
ไวรัส ได้ง่าย สเตียรอยด์ส่งผลให้กระดูกผุได้ ผู้สูงอายุ ผู้หญิงวัยทอง หรือ คนที่มีประวัติไขกระดูกควร
หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

 

รู้หรือไม่? ยาแก้ปวดทั่วไป ใช้นานๆ จะดื้อยา รักษาไม่หาย!